ประเทศ "กำลังพัฒนา" ประชาชนต้องเสียสละความสะดวกร่วมกัน


  • เราใช้คำว่า "กำัลังพัฒนา" ..นั่นหมายถึงว่า ทุกอย่างยังไม่ถึงจุดลุล่วง
  • ประชาชนต้องมีจิตใจที่จะกระทำตนเป็น "สาธารณะ" มากกว่าส่วนตัว
  • จะมีประชากรมากกว่าหนึ่งรุ่นแน่นอน ที่ต้องร่วมกันเสียสละความสบายในชีวิตบ้าง
  • เพราะนี่ก็หลายสิบปีแล้ว และผ่านมามากกว่าหนึ่งรุ่นเห็น ๆ ครับ. ถ้ายังฉกฉวยความสะดวกสบายกันอยู่ คำว่า "กำลัง.." ก็จะถูกขยายจุดสิ้นสุดออกไปอีก จนอาจไม่พัฒนา หรือเป็นประเทศหยุดพัฒนาในที่สุด

  • หยุดซื้อรถยนต์ส่วนตัวตามค่านิยม (ขอให้เป็นพาหนะจริง ๆ ไม่ใช่พาหะของฐานะ)
  • ใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เพื่อให้มีทุนหมุนเวียนและกำไรไปพัฒนาให้ดีขึ้น (เช่นการจัดหาเทคโนโลยีที่ใหม่และสะอาดประหยัดพลังงาน, การอบรมพนักงาน ฯลฯ)
  • อย่าบ่นเกี่ยวกับรถติด ถ้าคุณเป็นหนึ่งในรถยนต์ส่วนตัวเหล่านั้น
  • อย่าพูดถึงสังคม ถ้าคุณไม่ยอมขึ้นรถเมล์หรือขนส่งมวลชนอื่น ๆ แม้แต่ครั้งในชีวิต
  • หยุดพูดถึงความลำบากในการเดินทาง ถ้ามันมาจากการที่รถส่วนตัวและคุณติดอยู่บนถนน
  • พื้นที่ในมหานครไม่ควรเสียเปล่าไปกับการเป็นอาคารหลายชั้นสำหรับจอดรถ ..ควรเป็นที่อยู่อาศัยของคนจริง ๆ จะดีกว่า
  • เมื่อเมืองพัฒนาแล้ว คุณจะพบว่ารถส่วนตัวเป็นเรื่องของการเดินทางในเมืองที่ไม่มีระบบขนส่งมวลชนฯ และผู้ป่วย
  • บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ควรให้มีบริการรถรับส่งทั้งคนและของ เพื่อใช้พื้นที่จอดรถน้อยลง (เป็นบ้านคนมากขึ้น) และ/หรือ..ส่งต่อระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ที่มีรถประเภทที่เหมาะกับการเดินทางทั้งคนและของในเขตเมืองโดยเฉพาะ. (ปัจจุบันยังไม่มี แต่ผู้เขียนเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในผลของการพัฒนาครับ)

เราไม่ควรทำตัวรักความสะดวกสบายจนเกินไปราวกับว่าประเทศเราพัฒนาเสร็จแล้ว Mind Set รักสบายที่ผ่านมาได้ทำลายเวลา-โอกาส-งบประมาณภาษี ไปอย่างมหาศาล และปัญหาเศรษฐศาสตร์ฟองสบู่เป็นระลอก. รวมถึงก่อให้เกิดนัยยะทางปัญหาการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศอย่างยาวนานและดูราวกับแก้ไขไม่ได้ จนประเทศไทยได้ื่ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุดของโลก และระบบการศึกษาที่ไม่พัฒนาพอ ๆ กัน

ปัญหาผสมแนวทางแก้ไขที่นำเสนอข้างต้นนั้น เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยจากความซับซ้อนในการพัฒนาให้ดีในรอบ ๆ ด้าน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาและความทุ่มเทของ "ทุกภาคส่วน" (คำนี้ใช้กันจนเฝือมากครับ) ในการประสานทั้งความคิดและการทำงานปฏิบัติร่วมกัน ..ที่ไม่ใช่แค่ตั้งโปรเจคท์ผลาญงบประมาณไปครั้ง ๆ ..อย่างที่ยังเป็นกันอยู่ และทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพ้นจากสภาวะ "กำลังพัฒนา" ไปได้.

การที่ประชากรมี "จิตสาธารณะชั้นปฏิบัติการจริงในวิถีชีวิตช่วงเวลาหนึ่งของประเทศ"
จะเหมาะสมกับสภาวะในนิยาม "ประเทศกำลังพัฒนา" มากกว่านี้ครับ.

ถ้าไม่ช่วยกัน-ทำจริง-
สภาวะ/สถานะ กำลังพัฒนานี้ ..จะยิ่งยาวออกไปอีก
..ครับ.


Comments

  1. ถ้าพรุ่งนี้ออกไปนอกบ้านกันแล้วพบว่ามีรถติดอยู่มาก ..เราก็ยังอยู่ระหว่างกำลังพัฒนาอยู่ครับ

    ReplyDelete
  2. และถ้านโยบาย "รถคันแรก" ของรัฐบาลพรรดเพื่อไทยส่งผลให้รถติดมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม+สิ้นเปลืองพลังงานของชาติมากขึ้น+ค่าใช้จ่ายในชีวิตประชาชนสูงขึ้น ..เราก็ต้องกลับไปย้อนพัฒนากันใหม่พอสมควรครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

การแสดงความคิดเห็น ขอให้เคารพในสิทธิของบุคคลอื่น
และไม่ละเมิดพรบ.ICT ..เชิญครับ :)

Popular posts from this blog

กำลังปรับปรุงกราฟิกของเว็บนะครับ

สมาธิตื้น สมาธิลึก