ปัญหาคือคอนเซปท์ทางสังคมและวัฒนธรรมถูกไขว้ระดับอายุและประสบการณ์ชีวิต..
การส่งต่อหรือเปลี่ยนผ่านยุคสมัย จากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง อย่างไม่เป็นระบบระเบียบ ..กล่าวคือไม่มีการจัดลำดับความสำคัญอยู่ในวัฒนธรรมหรือเป็นประเพณีของสังคมไทย (หรือชาวสยาม ..ผู้ไม่มีช่วงเวลาว่างจากสงครามยาวนานพอ ทั้งสงครามจากภายนอก และการทะเลาะเบาะแว้งภายใน) กลายเป็นสภาวะของ "ความรีบร้อนและแข่งขันกันเอง" ระหว่างชนชั้นต่าง ๆ และภูมิภาค-คนต่างท้องถิ่นกัน ในการเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสถานะทางสังคมเป็นหลัก
ดูเหมือนว่าเราสอนเยาวชนเราด้วยความอัดอั้นตันใจทางบทบาทสังคมของเราเอง มากกว่าจะจัดเรียงจากความเป็นจริงและความเหมาะสมตามธรรมชาติ. และดูเหมือนเราเก็บเอาความฝันความคาดหวังที่เราไม่ได้ทำหรือไม่ได้รับโอกาสไปทุ่มใส่ทายาททางอารยธรรมของเรา
ดูเหมือนว่าเราสอนเยาวชนเราด้วยความอัดอั้นตันใจทางบทบาทสังคมของเราเอง มากกว่าจะจัดเรียงจากความเป็นจริงและความเหมาะสมตามธรรมชาติ. และดูเหมือนเราเก็บเอาความฝันความคาดหวังที่เราไม่ได้ทำหรือไม่ได้รับโอกาสไปทุ่มใส่ทายาททางอารยธรรมของเรา
ซึ่งก็จริงอยู่ที่ว่า "ประเทศไหนก็เป็นแบบนี้" ..แต่ประเด็นก็คือ มันทำให้สังคมเรามีปัญหาจริง ๆ หรือไม่?..ตัวอย่างเช่นการศึกษาในระบบโรงเรียนไทยที่กำลังเละเทะ ด้วยสภาพที่กลายเป็นเวทีสวาปามของผู้ใหญ่ มากกว่าที่ควรจะเป็นเวทีการเรียนรู้อันงดงามตามอุดมคติที่กล่าวอ้างเพื่อให้ได้งบประมาณ. ซึ่งเด็ก ๆ ที่เปลี่ยนผ่านกันเข้ามาล้วนเป็นผู้รับผลกรรมของผู้ใหญ่ในหลากหลายมิติด้วยกัน ..พวกเค้า (เด็ก ๆ) ไม่เคยมีตัวตนในนโยบายใด ๆ ของการศึกษาสายหลักของประเทศเลยแม้แต่นิด.. เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา และปลูกความคิดแห่งการแข่งขันช่วงชิงนี้ใส่เด็ก ๆ ต่างหาก ซึ่งเข้มข้นเสียจนเด็ก ๆ มองไม่เห็นวิธีการให้ได้มาซึ่งความรู้และกระทั่งปัญญาอีกต่อไป.. ตามมาด้วยการต้องลด-แลก-แจก-แถม วุฒิบัตรฯ กันแบบที่เกือบจะไม่ต้องออกแรงสมองแต่อย่างใดในเด็กรุ่นปัจจุบัน. นี่คือตัวอย่างเพียงหนึ่งตัวอย่างเท่านั้น แต่ก็เป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศที่ไปไหนไม่ได้ไกลกว่าคำว่ากำลังพัฒนา และดูเหมือนมันพัฒนาลงด้วยซ้ำไป
คนไทยนั้นเก่งในเรื่องการสรรหาคำมาใช้ ..แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า บรรพชนเราไม่ได้สร้างสรรค์ภาษาและคำขึ้นมาเพื่อให้เราใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย (พอ ๆ กับทรัพยากรธรรมชาติอื่น) ..และไม่ได้สร้างไว้เพื่อกลายมาเป็นเครื่องมือให้คนไทยด้วยกันเองใช้ทำลายสังคมหรือยึดครองกันเอง หลอกลวงกันด้วยภาษาชองชาติเราเองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว.
ผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งกำลังสนุกกับการเลี้ยงลูกหลานไว้เป็นเบี้ย ในการช่วงชิงทรัพยากรต่าง ๆ และบทบาททางสังคม.. มันชัดเจนพอที่เราจะกล่าวกันได้อยู่ว่า เราขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับการร่วมบริหารจัดการอารยธรรมชนชาติ ..มันมีไว้ขายให้คนที่ต้องการปริญญาบัตร มากกว่าจะเป็นความรู้ของสาธารณะชนอย่างที่มันควรจะเป็น.
..เรายังต้อง "พัฒนา" กันต่อ..
.......
หนักเชียว..
ReplyDelete